top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนtiewjourney

รีวิว Omakase Course ราคาครึ่งหมื่นที่ Kissuisen Bangkok รร. Bangkok Marriott Hotel The Surawongse





Kissuisen มุมหลบเร้นจากความวุ่นวายสำหรับนักชิม พร้อมให้มาลิ้มลองกลิ่นอายญี่ปุ่นที่เชื่อมโยงถึงกัน

Content นี้มีอะไรบ้าง





 



 


Introduction : ห้องอาหาร Kissuisen Bangkok


Kissuisen Bangkok (คิสซึอิเซน แบงค็อก) ห้องอาหารเปิดใหม่ล่าสุดในโรงแรมแบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ (Bangkok Marriott Hotel The Surawongse) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Godai (โกได) ในปรัชญาญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ


ห้องอาหารนี้ดูแลโดย เชฟ Yuichi Mitsui (ยูอิชิ มิตซุย) เชฟชาวญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ในร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำมาหลายสิบปี รวมถึงร้านอาหารระดับ Michelin Star ที่ต้องการชูวัฒนธรรมการทานของญี่ปุ่นผ่านการคัดเลือกวัตถุดิบพรีเมี่ยมตามฤดูกาล เพื่อให้ทุกคนที่ได้มาทานได้รับประสบการณ์ที่น่าจดจำในทุกๆ ครั้ง


ภายในห้องอาหาร Kissuisen Bangkok (คิสซึอิเซน แบงค็อก) จะแบ่งด้านในออกเป็น 4 สไตล์ ตามแต่ละชั้นคือ

  • ดิน (Chi) ร้านสไตล์อิซากายะ บนชั้น 1 ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย

  • ไฟ (Kaen) ร้านเทปันยากิบนชั้น 3

  • ลม (Seifu) ร้านโอมากาเสะ บนชั้น 4 (ในรีวิววันนี้)

  • น้ำ (Mizu) สาเกบาร์ กลางแจ้งบนรูฟท็อปของตึก แห่งแรกในกรุงเทพฯ


Girl is walking to kissuisen restaurant
ด้านหน้าร้าน

In front of kissuisen restaurant

Seifu : Omakase Course


วันนี้เราจะมารีวิวในส่วนร้านโอมากาเสะ ที่อยู่บนชั้น 4 บรรยากาศร้านไม่ใหญ่มาก ฟีลอบอุ่น และเป็นส่วนตัว ที่นั่งจะเป็นแบบที่นั่งบาร์ ตามแบบสไตล์ร้านโอมากาเสะ เชฟมาปรุงเมนูให้ดูกันด้านหน้าแบบใกล้ชิด บนโต๊ะที่เรานั่งจะมี List รายการอาหารสำหรับคอร์สที่เราจะทานกัน


Seifu omakase menu listing
รายการอาหารที่เราจะมาทานวันนี้


Raw fish on the bar

Close up raw fish for omakase course
วัตถุดิบถูกเรียงเตรียมไว้พร้อม

Decoration of omakase part in kissuisen restaurant
บรรยากาศภายในห้องอาหาร


1. Appetizer : Local Herb, Chrysanthemum, Snow Crab and Salmon


มาเริ่มกันที่จานแรกเลยดีกว่า จานเรียกน้ำย่อยของเราจะเป็น เนื้อปูหิมะเสิร์ฟพร้อมไข่ปลาแซลมอนและสมุนไพร จานนี้เค้าเอาเนื้อปูหิมะจากฮอกไกโด และผักป๋วยเล้งจากโครงการหลวง มาปรุงแบบญี่ปุ่น เสิร์ฟพร้อมกับดอกเบญจมาศและไข่ปลาแซลมอน มีป้ายอักษรภาษาญี่ปุ่นที่เขียนโดยลายมือเชฟด้วยนะ แปลว่า ขอให้อาหารมื้อนี้พาความสุขและรอยยิ้มแก่ทุกท่าน เจ๋งมาก วิธีกินจานนี้เชฟบอกว่าให้เราผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันก่อน แล้วค่อยกินนะ ซึ่งเราลองทำดูแล้วมันเข้ากันดีมากๆ อร่อยเลย ถือว่าเป็นจานเรียกน้ำย่อยเปิดต่อมรับรสได้ดีจริงๆ




2. Sashimi : Nodoguro


ระหว่างเราทานจานแรก เชฟก็เริ่มทำจานต่อไปทันที จานนี้คือ ซาซิมิปลากระพงคอดำ ซึ่งเป็นปลาทะเลน้ำลึกที่หายาก มีสมญานามว่า 'ราชาปลาเนื้อขาว' มีไขมันสูง เชฟจะนำถ่านบินโจตันที่เผาไฟมาย่างกับหนัง เพื่อให้มีมิติและได้กลิ่นหอมของถ่านเวลาทาน จานนี้เชฟแนะนำว่าให้นำปลาม้วนห่อเครื่องด้านบนแล้วทานคำเดียวเลย หอมกลิ่นถ่านจริงๆ



เชฟ Mitsui เสิร์ฟให้เอง


ด้านล่างมีซ่อนเมนูจานต่อไปมาด้วย

3. Underlay Sashimi : Sesame Tofu Kissuisen Style and Abalone


เกือบไม่ได้ทานจานนี้แล้ว เพราะเค้าซ่อนมาด้านล่าง 555 กิมมิคน่ารักๆ เรียกเสียงหัวเราะจากเราได้ จานนี้จะเป็น เต้าหู้งาโฮมเมด และหอยเป๋าฮื้อ จากนางาซากิ ที่เค้าเอามาต้มกับสาเกและคอมบุ ตัวน้ำที่ต้มเนี่ยเค้าเอาไปทำเป็นซอสเยลลี่เพื่อเอามาทานคู่กับเต้าหู้งาที่เป็นโฮมเมดสูตรเฉพาะของ Kissuisen จานนี้ดูมีส่วนผสมหลายอย่างแต่เราว่าเข้ากันได้ดีทุกอย่างเลยนะ ทั้งเต้าหู้งาและหอยเป๋าฮื้อ ยิ่งทานคู่กับซอสเจลลี่นี่คืออร่อยเลย



4. Steamed Dish : Truffle, Local Thailand Mushroom and Egg.


จานต่อไปคือ ไข่ตุ๋นซอสเห็ด ที่ชื่อดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา เพราะเค้าเสิร์ฟคู่กับหอยเชลล์จากฮอกไกโด ที่วางมาบนหินร้อน ปรุงด้วยเทคนิคโบราณของญี่ปุ่น บอกเลยว่าหอยตัวใหญ่มาก ตัวไข่ตุ๋นก็ไม่ธรรมดา เป็นไข่ตุ๋นซอสเห็ดเสิร์ฟคู่กับน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิลที่บอกเลยว่าหอมมาก ชอบมาก เลิฟมากกก



วางมาบนหินร้อน ที่ร้อนจริงๆไม่ใช่แค่อุ่น

คีบหอยขึ้นมาควันขึ้นแบบนี้เลย



5. Nigiri Sushi : Today's Recommendation 10 Types


มาถึงช่วงที่รอคอยแล้วกับซูชิ 10 คำจุกๆ ต้องบอกก่อนว่าในแต่ละคอร์สอาจจะได้ซูชิที่เนื้อปลาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและวัตถุดิบในวันนั้น ในรีวิวนี้เราจะมาแชร์เฉพาะเมนูที่เราได้กินในวันที่ไปนะ


  1. Ji Kin Medai ซูชิปลาคินเมได หรืออีกชื่อคือปลากระพงตาสีทอง จากชิบะ ปลานี้จะเป็นปลาในตระกูลปลาเนื้อขาว ที่มีไขมันปานกลาง

  2. Matsu Kawa Karei ปลาคาเร หรือปลาตาเดียว อันนี้มาจากฮอกไกโด ด้านบนเค้าขูดผิวส้มยูสุ เพิ่มมิติความสดชื่นในปากได้ดีเลย

  3. Shamaaji ปลาชิมาอาจิ ปลานี้จะอยู่ในตระกูลปลากระพง มีเนื้อเด้ง รสเข้มข้น

  4. Ama Ebi ซูชิกุ้งหวาน จากฮอกไกโด กุ้งเนื้อแน่นเด้ง และหวานสมชื่อ มีความกรุบนิดๆ ส่วนตัวชอบทานกุ้งหวานอยู่แล้ว คำนี้คือถูกใจสุดๆ

  5. Sawara ปลาอินทรีย์จากนางาซากิ ที่ทางร้านจะนำไปดรายเอจก่อน 5 วัน

  6. Shirako Tempura คำนี้แปลกที่สุดที่เคยทานมา ตอนแรกคิดว่าจะไม่โอเค คือถ้าเห็นรูปลักษณ์ภายนอกแล้วอาจจะหยี๋ยๆ บอกก่อนว่าตัวนี้เหมือนเครื่องในปลานี่แหล่ะ ส่วนนี้คือท่อสเปิร์ม หรือท่ออสุจิปลาคอต ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ไม่ได้มีตลอดนะ มีเฉพาะแค่ฤดูใบไม้ผลิกับฤดูหนาวเท่านั้น เอาตรงๆ เห็นตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะรอด แต่ที่นี่เชฟเค้าเอาไปทำเป็นเมนูเทมปุระ โอ้โหววว ละมุนมาก คือมีความกรอบนอกนุ่มใน แล้วเสิร์ฟมาคู่กับข้าวพอง และน้ำดาชิ เข้ากั้น เข้ากัน

  7. Sujiko คำนี้ไม่ใช่ไข่ปลาแซลมอนธรรมดานะ แต่เป็นยวงไข่ปลาแซลมอน ที่หาทานได้เฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น ยวงแซลมอนนี้เค้าเอาไปดองในน้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้านทิ้งไว้ 1 คืน แล้วพักต่ออีก 1 คืน ถึงจะเอามาทำให้เราทาน

  8. Chutoro ขอยกให้เป็นพระเอกของเราในคอร์สนี้ ปลาทูน่าส่วนชูโทโร่ ที่มีไขมันปานกลาง อันนี้เค้านำเข้ามาจากนางาซากิ แล้วเอาไปดรายเอจ 1 อาทิตย์ ก่อนจะเสิร์ฟนำไปย่างถ่านบินโจตัน เพื่อให้มีกลิ่นหอม

  9. Uni พีคขึ้นเรื่อยๆ คำต่อมาเป็นอูนิ สายพันธุ์บาฟุน จากฮอกไกโด ห่อด้วยสาหร่าย คือคำนี้ไม่ต้องบรรยายเยอะเลย ใครชอบอูนิจะต้องฟินกับคำนี้

  10. Anago คำสุดท้ายของคอร์สนี้เป็นปลาไหลทะเล จากนางาซากิ ที่นำไปย่างถ่านบนใบไผ่ ทาด้วยซอสสูตรพิเศษ เพิ่มความละมุนของคำสุดท้าย



(ซ้าย) Ji Kinmedai (กลาง) Matsu Kawa Karei (ขวา) Anago

nigiri sushi
(ซ้าย)​ Chutoro (กลาง) Ama Ebi (ขวา) Sawara

Chef holding Kinmedai fish from chiba Japan
เชฟเอาปลาคินเมได มาโชว์ให้ดู

(Matsu Kawa Karei)

(Shirako Tempura) เห็นตอนแรกเราไม่กล้าทานนะ แต่ได้ลองแล้วเปลี่ยนความคิดเลย

(Shirako Tempura) ทำมาในรูปแบบเทมปุระ ทำให้ทานง่ายขึ้น


ยวงไข่ปลาแซลมอนสด ที่มาทำในเมนู (Sujiko) ไข่ยังติดกันเป็นแพเลย

(Sujiko) เชฟบอกว่าต้องวางบนมือแล้วเข้าปากเลย ถ้าใช้ตะเกียบคีบไข่ปลาอาจจะไหลตกได้

Chutoro Sushi
(Chutoro Sushi)

เชฟนำถ่านบินโจตันที่เผาไฟร้อนๆมาอังด้านบน เพื่อให้ความร้อนเบาๆกับเนื้อปลา

(Uni)



(Anago) ปลาไหลทะเลบนใบไผ่ย่างโดยเตาถ่าน


6. Soup : Miso Soup with Egg


หลังจากจบเซตนิกิริซูชิเข้าไปบอกเลยว่าอิ่มมากๆ ตอนนี้เรามาล้างปากกันด้วยซุปมิโซะไข่กันดีกว่า ตัวเบสน้ำซุปนี้ จะเป็นกระดูกปลาและกากปลาโออบแห้ง เสิร์ฟพร้อมกับไข่และต้นหอม



7. Dessert : Fruits Anmitsu and Petit Fours


คอร์สสุดท้ายจะเป็นของหวาน ซึ่งจะเป็นถั่วแดงโมจิ และผลไม้รวมสไตล์ญี่ปุ่น เสิร์ฟคู่กับยูสุไซรัปและไอศครีมนมโฮมเมด นอกจากนี้ยังมีมีคัสตาร์ดชาไทย เค้กญี่ปุ่นเนื้อนุ่ม ช็อกโกแลตเคลือบผงมัทฉะ จบคอร์สอิ่มแน่น ทั้งคาว หวาน




Contact Information





Japanese chef
ทีมเชฟห้องอาหาร Kissuisen Bangkok

 



 

ชอบคอนเท้นแบบนี้ ฝากติดตามผลงานของเราช่องทางอื่นๆ ด้วยนะคะ 🥰

Comments


bottom of page