top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนtiewjourney

กินซูชิเนื้อม้าดิบ เดินเล่นเมืองจำลองเอโดะ ปราสาทคุมาโมโตะ ญี่ปุ่น Kumamoto




Content นี้มีอะไรบ้าง




KUMAMOTO

คุมาโมโตะ หรือ คุมาโมโต้ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของเกาะคิวชู อยู่ติดกับฟุกุโอกะ ทำให้คนที่บินมาเที่ยวฟุกุโอกะ มักจะพ่วงการมาเที่ยวที่เมืองนี้อยู่ด้วยเสมอ การเดินทางที่สะดวกด้วยรถไฟ Shinkansen ทำให้เวลาในการเดินทางจากฟุกุโอกะ ใช้เพียงแค่ 40 นาที ก็ได้มาเที่ยวที่เมืองนี้แล้ว

คำว่า 'คุมาโมโตะ' แปลว่า 'ต้นกำเนิดของหมี' มาสคอตประจำจังหวัดนี้ก็คือเจ้าหมีคุมะมง หมีดำแก้มสีแดง ที่เราคุ้นตากันนี่เอง แต่นอกจาก Kumamon หมีดำแสนน่ารักแล้ว เมืองนี้ยังมีปราสาทคุมาโมโตะ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่มีความสำคัญของประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกเมืองที่น่าสนใจ จะลองมาเที่ยวแบบ One day trip ก็มาได้ง่าย




Kumamoto Castle


หลังความเสียหายจากแผ่นดินไหวเมื่อปี 2016 ตอนนี้ปราสาทคุมาโมโตะ เปิดให้เข้าชมแล้ว ด้วยความร่วมมือของทางการเมืองคุมาโมโตะ และบริษัทที่รับมอบหมายในการบูรณะซ่อมแซมปราสาท ได้ร่วมมือกันคิด เส้นทางสังเกตการณ์การบูรณะปราสาทคุมาโมโตะ (Reconstruction Observation Path) เส้นทางนี้ยาวประมาณ 450 เมตร ได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินชมการซ่อมแซมบูรณะปราสาท และยังทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นมุมมองใหม่ๆของการเดินชมปราสาทอีกด้วย เพราะสะพานยกระดับสูงขึ้น ก็เลยได้เห็นมุมที่ปกติไม่มีทางได้เห็น


ปัจจุบัน ด้านในปราสาทคุมาโมโตะ ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ และเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็น มีค่าเข้าคนละ 800 เยน เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ที่ใครมาเที่ยวเมืองคุมาโมโตะ จะต้องห้ามพลาดค่ะ



ประวัติของปราสาทคุมาโมโตะ : ปราสาทคุมาโมโตะออกแบบโดย Kato Kiyomasa ที่เป็นทั้งเจ้าครองแคว้น นักรบซามูไร และสถาปนิกออกแบบปราสาท (และยังเป็นคนเดียวกับที่ออกแบบ Nagoya Castle ที่ตั้งอยู่ที่เมืองนาโกย่าอีกด้วย) ปราสาทนี้จัดเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น


ทำเลที่ตั้งของปราสาท อยู่บนยอดเขาของเมือง ทำให้ยากต่อการโจมตี รอบนอกปราสาทล้อมรอบด้วยคูน้ำ มีแนวกำแพงหินลาดชันและป้อมปราการเป็นด่านแรก เข้าประตูรั้วชั้นแรกมาจะเป็นลานรอบปราสาทที่ทางเดินจะถูกบีบให้เดินผ่านทางเดินแบบแคบและคดเคี้ยว ค่อยๆลดระดับลงใต้ดิน และมืดลงก่อนจะออกมาลานกว้างด้านในที่สว่าง เรียกว่าเป็นกลยุทธ์ในการรบที่เล่นกับการปรับสายตา ที่จะต้องปรับแสงจากความมืดมาสู่ความสว่าง ข้าศึกที่ต้องการจะเข้ามาก็จะเจอการป้องกันอยู่ทางด้านนอกทางเดิน นอกจากนี้ฐานหินของปราสาทจะเป็นมุมที่ค่อยๆชันขึ้นไปจนเกือบตั้งฉาก ทำให้ยากต่อการปีน สีของตัวอาคารจะทาด้วยสีดำ ซึ่งทำให้ยากต่อการมองเห็นตอนกลางคืน


การออกแบบนี้ได้เห็นผลเป็นอย่างมากในช่วงปี 1877 ที่มีสงครามกลางเมืองเซนัน มีซามูไรกว่า 20000 คน บุกโจมตีปราสาทนานถึง 2 เดือน แต่ไม่สามารถบุกเข้าไปด้านในได้ จนได้ชื่อว่าปราสาทที่ไม่มีวันแตกพ่าย จนกระทั่งในปี 2016 ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกาะคิวชู แรงสั่นสะเทือน 7.3 ริกเตอร์ ทำให้ปราสาทได้รับความเสียหายอย่างหนักจนต้องปิดปรับปรุง และเพิ่งเปิดให้เข้าชมด้านในเมื่อมิถุนายน 2021


ความเสียหายจากแผ่นดินไหว ปี 2016

ความเสียหายจากแผ่นดินไหว ปี 2016

ระหว่างทางเดิน เจอคุณลุงอาสาสมัคร ช่วยเล่าประวัติของที่นี่ให้ฟัง





ภายในปราสาท ชั้น 6 Observation Desk

มุมมองจากชั้น 6 Observation Desk

ภายในปราสาทคุมาโมโตะ

ภายในปราสาทคุมาโมโตะ

ภายในปราสาทคุมาโมโตะ



Sakura No Baba Josaien

“ซากุระ โนะ บาบะ โจไซเอน (Sakura No Baba Josaien)” ย่านเมืองเก่าใกล้ปราสาทคุมาโมโตะ ที่มีการจำลองบรรยากาศบ้านเมืองสมัยเอโดะ ตั้งอยู่เชิงเขาของปราสาท ติดกับพื้นที่ของปราสาทคุมาโมโตะ สามารถเดินจากตัวปราสาทมาถึงได้ประมาณ 5 นาที ในบริเวณนี้จะมีร้านอาหาร ร้านขนม ของหวาน และร้านขายของที่ระลึก มีลานตรงกลางสำหรับงานโชว์กิจกรรมต่างๆ


เมืองจำลองสมัยเอโดะ









Must Try


มาถึงเมืองนี้ต้องห้ามพลาดกับเมนู 'เนื้อม้า' ต้องบอกก่อนว่าเมืองนี้เค้านิยมกินเนื้อม้ากันค่ะ เป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดเลยทีเดียว มีทั้งแบบเนื้อม้าดิบ (เอามาทำเป็นซูชิ) เนื้อม้าปรุงสุก มีเนื้อม้าแช่แข็งขายด้วยนะ มีรูปแบ่งเป็นส่วนต่างๆ เหมือนเนื้อวัวเลย หรือใครอยากลองถามเป็นบุฟเฟ่ต์ชาบู ปิ้งย่างก็มี


วันนี้มาถึงถิ่นต้องลองชิมกันสักหน่อย เมนูวันนี้ที่เราลองคือ ซูชิเนื้อม้าดิบ และ คร็อกเก้เนื้อม้า จากการได้ลองชิมทั้งสองเมนูแล้ว ไม่รู้สึกแปลก หรือเหม็นคาวเลย อาจจะด้วยเค้าทำดีมาก ตอนแรกกังวลว่าตัวซูชิที่เป็นเนื้อม้าดิบ เราจะไม่โอเค แต่กลายเป็นว่าอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว เค้าสับมาละเอียดมาก เหมือนเป็นทูน่าเลย ส่วนตัวคร็อกเก้จะเป็นเนื้อที่ผ่านการปรุงสุกแล้ว มีผสมเครื่องเทศนิดหน่อย อันนี้ก็เหมือนทานคร็อกเก้เนื้อวัว ถือว่าผ่านสำหรับเราทั้ง 2 เมนูเลยค่ะ


ส่วนอีกเมนูอันนี้เดินผ่านร้านแล้ว Uni Lover อดใจไม่อยู่จริงๆ เลยจัดคร็อกเก้ ครีมอูนิ มาอีกสักหนึ่งอย่างก่อนกลับ ใครชอบกินไข่หอยเม่นแนะนำเลย อูนิให้มาแบบไม่กั๊ก กัดไปไส้ทะลักล้นออกมา ละมุนมาก ดีมาก ชอบมาก เขียนไปนึกถึงรสชาติไป อยากกินอีก 555



ซูชิเนื้อม้าดิบ

คร็อกเก้เนื้อม้า

คร็อกเก้เนื้อม้า

คร็อกเก้ครีมอูนิ


วิธีการเดินทาง

จาก Fukuoka ไป Kumamoto เราเริ่มต้นที่สถานี Hakata นั่งรถไฟหัวกระสุน (Shinkansen) : kyushu shinkansen series 800 ใช้เวลาเดินทางเพียง 40 นาที ภายในรถไฟมี free wi-fi มีที่ชาร์จแบต สามารถซื้ออาหาร และเครื่องดื่มไปทานบนรถไฟได้ แนะนำว่าให้ซื้อบัตร JR Pass อย่างทริปนี้เราใช้เป็น JR North Kyushu Pass แค่ได้นั่ง Shinkansen ก็คือคุ้มราคาค่าบัตรแล้ว


ส่วนการเดินทางภายในเมืองคุมาโมโตะ มีทั้งรถบัสและรถราง สำหรับนักท่องเที่ยวแบบเรา เค้ามีตั๋ว One Day Pass จำหน่ายในราคา 500 เยน ถ้าใครอยากไปเที่ยวหลายที่แนะนำให้ซื้อเลยค่ะ คุ้มมากๆ หรือถ้าใครมีแพลนเที่ยวไม่กี่ที่จะจ่ายค่ารถเป็นรายเที่ยว เที่ยวละ 170 เยนก็ได้เหมือนกัน






ภายในรถไฟ Shinkansen

น้องหมี Kumamon สัญลักษณ์ประจำเมือง Kumamoto



 

ชอบคอนเท้นแบบนี้ ฝากติดตามผลงานของเราช่องทางอื่นๆ ด้วยนะคะ 🥰

Comments


bottom of page